19.8.62

ความสวยที่ดื่มได้


ความสวยที่ดื่มได้

ผิวสุขภาพดีจากภายใน สู่ภายนอก


คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเราทุกคนปรารถนาที่จะมีผิวพรรณที่เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น กระจ่างใสและแลดูอ่อนกว่าวัย  นี่แหล่ะคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงยอมที่จะทุ่มเททั้งเวลาและเงินทอง รวมถึงยอมที่จะเสี่ยงกับผลข้างเคียงต่าง ๆ ไปกับการลองสารพัดวิธีเพียงเพื่อให้ผิวพรรณดูดีขึ้น ไม่ว่าจะใช้ครีมบำรุง แผ่นมาสก์หน้า ทรีตเมนต์ ฉีดกลูตาไทโอน การใช้เลเซอร์ ร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์หรือโบทอกซ์ก็ตาม แต่หากเราได้หยุดคิดสักนิดนึง เราจะเห็นได้ว่าวิธีที่ว่าเกือบทั้งหมดนี้เป็นวิธีแทรกแซงจากภายนอกหรือใช้ผลข้างเคียงของตัวยาในการช่วยให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ขึ้น และคงผลเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น อาจจะเป็น 6 เดือน 1 ปี หรือ 2 ปี แล้วแต่วิธีและยาที่ใช้ หลังจากนั้นก็ต้องทำซ้ำต่อไปเรื่อย ๆ 

หากมีวิธีส่งเสริมให้ร่างกายซ่อมแซมและต่อต้านความเสื่อมของผิวหนัง ทำให้เราสามารถ สวยจากภายในสู่ภายนอก น่าจะเป็นวิธีที่ยั่งยืนกว่า ก่อนที่เราจะมาเฉลยวิธีที่น่าสนใจนี้ เรามาดูกันก่อนว่าโครงสร้างของผิวหนังประกอบด้วยอะไร และสาเหตุใดทำให้ผิวหนังของเราเสื่อมสภาพลง

ปัญหาผิวหนังในแต่ละช่วงอายุ

·         วัยรุ่น - การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยหนุ่มสาวทำให้วัยรุ่นหลาย ๆ คนเริ่มมีผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นและรอยสิวได้
·         อายุ 20 – 30 ปี - เริ่มมีริ้วรอยบาง ๆ ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวี คอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิวจะลดลงเรื่อย ๆ
·         อายุ 31 – 40 ปี - เกราะปกป้องผิวยิ่งอ่อนแอลง กระบวนการทำงานของเซลล์ผิวเริ่มช้าลง ความชุ่มชื้นของผิวและความยืดหยุ่นของผิวลดลง
·         อายุ 41 – 50 ปี เซลล์ใหม่เกิดขึ้นน้อยลง เซลล์เดิมเริ่มหดตัว ผิวชั้นบนเริ่มบางลง ผิวสูญเสียความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ความหนาแน่นของชั้นผิวและความเต่งตึงของผิวลดลง ทำให้ผิวไม่กระจ่างใสแห้งกร้าน มีริ้วรอยและหย่อนคล้อย
·         อายุ 51 – 70 ปี ความสามารถในการผลิตไขมันลดลง ทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ เกิดริ้วรอย การสร้างผิวใหม่ลดลง ผิวเดิมมีความบางมาก ขาดความฟูและความหนาแน่นในชั้นผิว ความไวต่อแดดเพิ่มขึ้นและมักเกิดจุดด่างดำได้ง่าย ระบบภูมิคุ้มกันของผิวลดลงทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากขึ้น

สาเหตุที่ทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพลง

ถึงแม้ว่าสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพลงดูเหมือนจะมีหลายปัจจัยก็ตาม แต่หากวิเคราะห์จริง ๆ แล้วล้วนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย ไม่ว่าเกิดจากผลกระทบจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบเมตาบอลิซึมระบบการไหลเวียนของเลือด ระบบฮอร์โมนและการขจัดอนุมูลอิสระของร่างกายทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร หากแก้ไขจากต้นเหตุได้ย่อมจะทำให้เราสามารถ สวยจากภายในสู่ภายนอก


หวงฉี...ความสวยที่ดื่มได้
หวงฉี (Astragali Radix) เป็นสมุนไพรที่จัดอยู่ในหมวดยาชั้นสูงที่มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนานและได้มีบันทึกในคัมภีร์โบราณ เสินหนงเปิ่นฉ่าวจิง 《神农本草经》 ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี  หวงฉี มีสรรพคุณโดดเด่นในการบำรุงพลังชี่หรือพลังลมปราณอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย พลังชี่คือดัชนีชี้วัดความแข็งแรงของร่างกาย การแพทย์จีนจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการบำรุงพลังชี่ของร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายแบบบูรณาการ
               
จากการศึกษาและทดลองทางการแพทย์และเภสัชวิทยาในปัจจุบันพบว่า หวงฉี นอกจากมีสรรพคุณอันโดดเด่นในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึม ต่อต้านอนุมูลอิสระ ปรับความสมดุลของระบบการไหลเวียนของเลือดแล้ว ยังมีสรรพคุณอันมหัศจรรย์ในการฟื้นฟูซ่อมแซมผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ชุ่มชื้น สีผิวกระจ่างใสมีออร่า ยกกระชับและแลดูอ่อนกว่าวัย โดยมีกลไกสำคัญดังนี้


         ผิวพรรณเต่งตึง ยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย Astragali Radix อุดมไปด้วยสาร APS2-1 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ที่มีผลต่อการสร้าง Collagen
·         ฟื้นฟูเซลล์ผิว ซ่อมแซมรอยแผล สาร APS2-1 ใน Astragali Radix ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและพัฒนาของ Fibroblasts ทำให้เซลล์ผิวฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
·         ผิวพรรณชุ่มชื้น กระจ่างใส ไม่แห้งกร้าน สาร APS2-1 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ Perfusion ของร่างกาย ทำให้การส่งสารอาหารของเลือดไปยังหลอดเลือดฝอยมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

·         ป้องกันผิวแห้ง หยาบกร้าน ลอกเป็นขุย สาร APS2-1 ช่วยซ่อมแซมเซลล์  Keratinocyte มีผลโดยตรงกับการสร้างโปรตีน Keratin ในการปกป้องความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิว
·         ลดผลกระทบของรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) สาร astragaloside ช่วยลดผลกระทบของรังสี UV ที่มีผลทำลาย Transforming Growth Factor Beta (TGF-β) ซึ่งส่งผลต่อการสร้าง Collagen ในผิวหนัง
·         ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวและทุกเซลล์ในร่างกาย Astragaloside IV จาก Astragali Radix เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปริมาณของSuperoxide dismutase (SOD) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปริมาณของ Glutathione peroxidase (GPx) ลดปริมาณของ Malonaldehyde (MDA)
·         เสริมเกราะภูมิคุ้มกันให้แก่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย สาร  Astragaloside IV  ใน Astragali Radix มีผลในการต้านอาการแพ้และอาการอักเสบ โดยควบคุมความสมดุลของ IgE ,IL-4 ,IL-13, IL-9 ซึ่งสารในร่างกายเหล่านี้มีผลทำให้เกิดการอักเสบหรือแพ้ง่ายของผิวหนัง

สารสกัดหวงฉีของเอินเวย์ต่างจากหวงฉีในท้องตลาดอย่างไร

·         ได้คัดเลือก หวงฉี จากภาคเหนือของประเทศจีนที่ติดกับเขตแดนประเทศมองโกเลีย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกหวงฉีที่ดีที่สุดในโลกจึงมีคุณค่าทางยาสูงกว่าหวงฉีในท้องตลาดหลาย ๆ เท่า
·         หวงฉี ของ เอินเวย์ ได้ผ่านกรรมวิธีผัดกับน้ำผึ้งบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นกรรมวิธีพิเศษที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางปัญญาของประเทศจีน เพื่อเพิ่มสรรพคุณทางยาให้มีคุณค่าทวีคูณ
·         การใช้เทคโนโลยีการสกัด เช่น Ethanol Percolation Extraction เป็นต้น เพื่อสกัดสารสำคัญของ หวงฉี ออกมาได้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ เนื่องจากสารที่สำคัญหลายตัวไม่สามารถสกัดออกมาได้จากวิธีการต้มทั่วไป
·         มีการควบคุมสารออกฤทธิ์สำคัญได้อย่างเข้มข้น แม่นยำและคงที่ เช่น Astragaloside, Astragalus Polysaccharides, Saponin เป็นต้น

ผิวพรรณเปล่งปลั่ง, ผิวพรรณดี
Astraly (แอสตราลี)


หวงฉีตอบโจทย์ปัญหาผิวหนังทุกช่วงอายุ


ช่วงอายุ
ปัญหาที่พบ
หวงฉีช่วยได้อย่างไร
วัยรุ่น
รอยแผลสิว
ช่วยให้รอยแผลสิวหายได้เร็วขึ้น
วัย 20 ปีขึ้นไป
ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด
ช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากรังสี UV ทั้งUVA และ UVB
วัย 30 ปีขึ้นไป
คอลลาเจนในผิวเริ่มลดลง เริ่มเกิดริ้วรอย
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาด
วัย 40 ปีขึ้นไป
คอลลาเจน อิลาสตินและเคราตินลดลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้ผิวแห้งและเกิดความหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อิลาสตินและเคราติน ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับ ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส มีออร่า


ผิวหน้าจึงกระจ่างใส มีออร่า ริ้วรอยตื้นขึ้น ยกกระชับ และแลดูอ่อนกว่าวัย เมื่อใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 1 เดือน และสิ่งที่ได้นอกเหนือจากผิวพรรณที่สวยขึ้นแล้ว คุณยังสามารถสังเกตุได้ว่าแววตาของตัวเองเป็นประกาย มีชีวิตชีวา รู้สึกกระฉับกระเฉง ไม่อ่อนเพลียง่าย ระยะเวลาการรักษาอาจไม่เท่ากันในแต่ละคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุและระดับความเสื่อมของผิวในแต่ละบุคคล

ลิงก์ไปยังAstraly สมุนไพรจีนหวงฉี

8.8.62

ลมพิษ

ลมพิษ...พบบ่อยกว่าที่คิด  

                ลมพิษเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งจะก่อให้เกิดความรำคาญและรบกวนการทำงานหรือการนอนหลับของผู้ป่วย ลมพิษสามารถเกิดขึ้นที่ผิวหนังตำแหน่งใดก็ได้ในร่างกาย บางครั้งลมพิษที่เกิดขึ้นจะทำให้หนังตาบวม ริมฝีปากบวม หากลมพิษเกิดขึ้นที่ทางเดินหายใจ ก็จะทำให้หายใจลำบากและมีอันตรายถึงชีวิต  ลมพิษอาจเป็นอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจเป็นๆ หายๆ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้

  1.          ลมพิษชนิดเฉียบพลัน จะเป็นๆ หายๆ น้อยกว่า 6 สัปดาห์
  2.        ลมพิษชนิดเรื้อรัง จะเป็นๆ หายๆ นานกว่า 6 สัปดาห์

ผู้ที่เป็นลมพิษชนิดเรื้อรัง มักจะมีลมพิษตามตำแหน่งที่เกาหรือกดทับเป็นเวลานานด้วย  เช่น  รอยรัดของเสื้อชั้นในหรือกางเกง  เป็นต้น

 อาการของลมพิษเป็นอย่างไร 


ลมพิษ

                 ลมพิษมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันมีลักษณะเป็นผื่นนูนแดง มีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกัน เช่น วงกลม วงรี วงหยัก เนื้อภายในวงจะนูนและมีสีซีดกว่าขอบเล็กน้อย ทำให้เห็นเป็นขอบแดงๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกคันมากๆ พอเกาตรงไหนก็จะมีผื่นแดงขึ้นตรงนั้น บางครั้งอาจมีไข้ขึ้นเล็กน้อยหรือรู้สึกร้อนผ่าวๆ ตามผิวกาย

        ลมพิษอาจเกิดขึ้นที่หน้า แขนขา ลำตัวหรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายและเป็นอยู่ประมาณ  3-4 ชั่วโมงแล้วก็ยุบหายได้ แต่อาจเกิดขึ้นใหม่ในตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นอีกก็ได้ภายในวันเดียวกัน หรือวันต่อมาหรือในเดือนต่อๆ มา

ลมพิษเกิดจากสาเหตุอะไร  
        
                การแพทย์ตะวันตกและการแพทย์จีนมีทัศนะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับมูลเหตุและพยาธิสภาพของลมพิษ สำหรับการแพทย์ตะวันตก  ลมพิษชนิดเฉียบพลันส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้อาหาร เหล้า เบียร์ ยา ฝุ่นละอองเกสร ขนสัตว์หรือสารเคมีบางชนิด ทำให้ร่างกายมีการสร้างฮิสตามีน (Histamine) ออกมาจากเซลล์ในชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลให้หลอดเลือดฝอยขยายตัวและมีพลาสมา (น้ำเลือด) ซึมออกมาใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นผื่นนูนแดงและมีอาการคัน แต่ลมพิษเรื้อรังส่วนใหญ่กลับไม่สามารถตรวจพบสาเหตุที่แน่ชัดได้

        ส่วนการแพทย์จีนได้จัดลมพิษให้อยู่ในกลุ่มโรคที่เกิดจากพิษลม ร่วมกับพิษร้อน-ชื้นที่สะสมในร่างกาย (邪与湿热) ซึ่งพิษทั้งสองประเภทมีลักษณะเฉพาะดังนี้

·         พิษลม มีลักษณะเคลื่อนไหว กระจายและเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ลมพิษจึงมีลักษณะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันและเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย พร้อมทั้งสามารถขึ้นที่ตำแหน่งใดของร่างกายก็ได้

·         พิษร้อน มีลักษณะแผดเผาและอบอ้าว ซึ่งจะทำลายสารเหลวและพลังชี่ () ในร่างกายทำให้ท้องผูก น้ำปัสสาวะมีสีเข้ม ปากขม ปากแห้ง น้ำลายเหนียว มีอาการระคายคอบ่อย แน่นหน้าอกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง อ่อนเพลียง่ายรูขุมขนเปิด เส้นเลือดฝอยขยายตัว พร้อมทั้งทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง โรคต่างๆ จึงแทรกเข้าไปในร่างกายได้ง่ายขึ้น

·         พิษชื้น มักเกิดร่วมกับพิษร้อน ซึ่งก็เช่นเดียวกับอากาศที่ร้อนจัดมักจะทำให้มีฝนและเกิดความชื้น พิษร้อน-ชื้นที่สะสมในร่างกายจะเอื้อต่อการแพร่พันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการอักเสบได้ง่ายกว่าและบ่อยกว่า

พิษลมและพิษร้อน-ชื้นจะทำให้เกิดโรคได้หลายๆ อย่าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพิษนี้จะแทรกเข้าไปในส่วนใดของร่างกาย หากพิษลมและพิษร้อน-ชื้นมีการแทรกเข้าไปใต้ผิวหนังในปริมาณมากเกินกว่าร่างกายจะรับได้ก็จะปะทุออกมาทางผิวหนัง ทำให้เกิดลมพิษชนิดเฉียบพลันได้ หากพิษนี้มีการสะสมไว้ใต้ผิวหนังเป็นเวลานาน เนื่องจากร่างกายไม่สามารถขจัดออกไปให้หมดสิ้น ลมพิษก็จะเป็นๆ หายๆ  เรื้อรังเป็นเวลานาน และมักจะกำเริบในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงหรือร้อนจัดพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอหรือมีความเครียด ความกังวล ฯลฯ

  การบำบัดลมพิษด้วยยาแก้แพ้มีข้อจำกัดอย่างไร  
        
        เมื่อพูดถึงยารักษาลมพิษ หลายๆ คนคงนึกถึงยาแก้แพ้หรือยาแอนติฮิสตามีน (Anti-histamine) ถึงแม้ว่ายานี้เป็นยาพื้นฐานในการรักษาลมพิษของการแพทย์ตะวันตกก็ตาม แต่อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยลมพิษชนิดเรื้อรัง เนื่องจากยาแก้แพ้เป็นเพียงยาระงับอาการของลมพิษเท่านั้น และมิได้ขจัดต้นเหตุของโรค  ผู้ป่วยลมพิษชนิดเรื้อรังจึงมักจะเป็นๆ หายๆ เรื้อรังเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้มักจะทำให้ง่วงนอน มึนงง เวียนศีรษะ ตาพร่าและอาจมีอาการคอแห้ง เบื่ออาหาร ใจสั่น หงุดหงิด ความดันต่ำหรือเกิดการแพ้ยา สำหรับผู้ป่วยลมพิษชนิดเรื้อรังที่มีการใช้ยาแก้แพ้เป็นประจำก็จะเกิดการดื้อยาขึ้นมาด้วย


 การแพทย์จีนมีวิธีการบำบัดลมพิษอย่างไร  
        
        สำหรับลมพิษโดยเฉพาะลมพิษชนิดเรื้อรัง การแพทย์จีนนิยมใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณในการขจัดพิษลมและพิษร้อน-ชื้นให้ออกจากร่างกาย เพื่อบำบัดต้นเหตุของลมพิษแทนการใช้ยาแก้แพ้ จากการวิจัยและทดลองทางการแพทย์และเภสัชวิทยาในปัจจุบันพบว่า ยาสมุนไพรจีนที่อยู่ในรูปแบบของสารสกัดเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากสามารถสกัดและควบคุมสารออกฤทธิ์ได้อย่างเข้มข้นและแม่นยำ

        นอกจากนี้ การแพทย์จีนยังให้ความสำคัญในการปรับร่างกายของผู้ป่วยลมพิษให้กลับสู่ภาวะ สมดุล โดยใช้วิธีบำรุงรักษาไตเป็นหลักเพื่อส่งเสริมพลังชี่ () และพลังไฟมิ่งเหมิน (命门之火) ของไต ทำให้ร่างกายสามารถขจัดพิษลมและพิษร้อน-ชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       
ลมพิษชนิดเรื้อรังและอาการต่างๆ ที่พบบ่อยในผู้ป่วยลมพิษ เช่น ปากขม ปากแห้ง น้ำลายเหนียว อาการระคายคอ แน่นหน้าอก เหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง เป็นสิวบ่อย ท้องผูกหรือน้ำปัสสาวะมีสีเข้ม เป็นต้น จึงค่อยๆ ทุเลาลงหรืออาจหายไปในที่สุด



5.8.62

อ้วนฉุ

ทำไมการควบคุมน้ำหนักจึงต้องดูแลม้าม


อ้วนฉุ
ปัจจุบันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีแนวโน้มน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รูปร่างและความมั่นใจในตัวเอง หลายๆคนก็ได้แสวงหาสารพัดวิธีที่จะพยายามลดน้ำหนัก แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุหลักของน้ำหนักตัวมากเกินไปในมุมมองของทัศนะการแพทย์จีนเกิดจาก “ม้ามอ่อนแอ” ต่างหาก

ม้ามอ่อนแอเกี่ยวข้องกับน้ำหนักอย่างไร?

     ในทัศนะการแพทย์จีน หน้าที่สำคัญของม้ามคือควบคุมการย่อยและการดูดซึมสารอาหารและน้ำ และส่งสารอาหารและน้ำไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่ออาหารผ่านกระบวนการย่อยที่กระเพาะอาหารและลำไส้แล้ว ม้ามจะทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารเหล่านั้นขึ้นไปยังปอด ปอดก็จะส่งต่อไปยังหัวใจให้สารอาหารเหล่านั้นกระจายผ่านทางน้ำเลือดไปยังอวัยวะต่างๆในร่างกาย เมื่อม้ามอ่อนแอลงก็จะเกิดความผิดปกติหลายอย่าง อาทิ

·         ทำให้เกิดน้ำขังอยู่ที่เยื่อหุ้มหัวใจซึ่งกระทบต่อการทำงานของหัวใจ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนช้าลง จึงไม่สามารถกำจัดของเสียจากกระบวนการเผาผลาญออกจากร่างกายได้หมดสิ้นจนมีการสะสมของเสียเหล่านั้นอยู่ในร่างกาย ซึ่งพบบ่อยที่สุดคือสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง­
·         เกิดภาวะบวมน้ำจากการที่น้ำและความชื้นในร่างกายไม่สามารถไหลเวียนได้ดีจึงคั่งอยู่ในร่างกาย·         ทำให้เกิดภาวะไขมันสะสมจนอ้วน

อาการม้ามอ่อนแอ คุณเข้าข่ายกี่ข้อ

·         ขอบลิ้นมีรอยฟันกดทับ  ม้ามเกี่ยวพันกับปากและริมฝีปาก หากม้ามอ่อนแอ ริมฝีปากจะขาวซีด ขอบลิ้นมีรอยฟันกดทับ มีฝ้าขาวที่ลิ้น
·         อุจจาระไม่จับตัวเป็นก้อน ม้ามอ่อนแอจะทำให้การลำเลียงน้ำและความชื้นในร่างกายได้ไม่ดี เมื่อความชื้นลงไปสู่ลำไส้ใหญ่จะทำให้อุจจาระไม่จับตัวเป็นก้อน
·         เบื่ออาหาร ทานอาหารนิดเดียวก็รู้สึกแน่นท้อง
·         น้ำหนักเพิ่มพรวดพราดในระยะเวลาสั้นๆ ในรายที่รุนแรงอาจพบว่าร่างกายช่วงล่างบวมน้ำ

นอกจากนี้ ม้ามอ่อนแอยังส่งผลให้เกิดอาการอื่นๆ เช่น นอนไม่หลับ ฝันบ่อย อ่อนเพลีย รู้สึกตัวหนักๆ ไม่มีเรี่ยวแรง รวมทั้งอวัยวะภายในหย่อนคล้อย (เช่น มดลูกหย่อน กระเพาะอาหารหย่อน ไตหย่อน ช่องคลอดไม่กระชับ เป็นต้น)

การแพทย์จีนจึงนิยมใช้สมุนไพรจีนสูตรเฉพาะที่อยู่ในรูปแบบของสารสกัดในการบำรุงม้ามเพื่อควบคุมน้ำหนัก การควบคุมน้ำหนักจึงไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อม้ามแข็งแรงขึ้น ไขมันส่วนเกินนั้นก็จะค่อยๆลดลงและสุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



เปลี่ยนหน้าสิว เป็นหน้าใส นวัตกรรมใหม่ ตัดวงจรสิวใน 20 วัน

เปลี่ยนหน้าสิว เป็นหน้าใสนวัตกรรมใหม่ ตัดวงจรสิวใน 20 วัน


สิว เป็นปัญหาสุดหนักใจที่บั่นทอนความสวย ความหล่อและความมั่นใจของหนุ่ม ๆ สาว ๆ หลายต่อหลายคน ทั้งยังทิ้งรอยหลุมสิว รอยแผลสิวอีกด้วย สิวนอกจากจะขึ้นที่หน้าแล้ว ยังขึ้นที่หน้าอก ที่หลัง ในหูหรือแม้กระทั่งในจมูก แถมยังเกิดในลักษณะที่ลุ้นไม่ได้ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวหัวช้าง สิวอักเสบ สิวเสี้ยนหรือแค่สิวผด บางคนก็มาครบทุกแบบ คนที่เป็นสิวส่วนใหญ่จะทาครีมที่มีส่วนประกอบของสารเคมีเพื่อลดการอุดตันและอักเสบ ไม่ก็ทานยาหรือถึงขั้นต้องฉีดยาที่หัวสิว  ถึงแม้ทราบดีว่ามีผลข้างเคียงแต่ก็พร้อมสู้เพื่อให้สิวยุบไป ที่น่าหนักใจคือพอหยุดยาไม่เท่าไหร่ สิวก็ขึ้นมาอีกจนอยากรู้จริงๆ ว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะป้องกันและกำจัดต้นเหตุของสิวได้

สาเหตุของสิวในมุมมองการแพทย์จีน

ในทัศนะการแพทย์จีน สิวนั้นเป็นจุดบ่งชี้ถึงระบบการทำงานของอวัยวะภายในขาดความสมดุล โดยเฉพาะในปอด กระเพาะอาหารและลำไส้ที่มีความร้อนและความชื้นสะสมมากเกินไปจนกลายเป็นพิษร้อนชื้น ส่งผลกระทบทั่วร่างกาย การสะสมของพิษร้อนชื้นเกิดจากหลากหลายสาเหตุดังต่อไปนี้ 


ทำไมพิษร้อนชื้นทำให้เกิดสิว

พิษร้อนชื้นมักจะปะทุออกมาทางผิวหนังในรูปของสิว ผดผื่นคันหรือผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ยังส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากผิดปกติ อุดตันได้ง่ายและรูขุมขนเปิดกว้าง อีกทั้งยังทำให้แผลสิวสมานได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงง่ายต่อการทิ้งรอยคลํ้าและแผลเป็นจากสิว นอกจากนี้แล้ว เมื่อพิษร้อนชื้นสะสมในปอด กระเพาะอาหารและลำไส้ยังอาจทำให้เกิดอาการได้อีกหลายอย่าง เช่น
 

การแพทย์จีนรักษาสิวอย่างไร

การแพทย์จีนนิยมใช้สูตรยาเฉพาะซึ่งอยู่ในรูปแบบของสารสกัดเพื่อมุ่งเน้นการรักษาสิวจากต้นเหตุและองค์รวม ทั้งยังรักษาอาการอื่นๆ ที่เกิดจากสาเหตุเดียวกัน เห็นผลโดยรวมสูงถึง 93%* เมื่อใช้ติดต่อกันเพียง 20 วัน โดยมีกลไกการออกฤทธิ์ดังนี้
·         ขจัดพิษร้อนชื้นที่สะสมอยู่ในปอด กระเพาะอาหารและลำไส้
·         ปรับความสมดุลของหยินและหยางในร่างกาย
·         ดีท็อกซ์ลำไส้ ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น ส่งเสริมให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น ผิวพรรณเปล่งปลั่ง หน้าตาสดใส ดูมีชีวิตชีวา


ส่วนประกอบสำคัญของ Flosa

FRUCTUS GARDENIAE  栀子ขับพิษร้อนชื้นที่สะสมในปอด ช่วยให้ต่อมไขมันทำงานได้เป็นปกติ ไม่ผลิตนํ้ามันมากเกินไป จึงสามารถกำจัดสิวทั้งป้องกันการเกิดใหม่ของสิว
RADIX SCUTELLARIAE 黄芩ขับพิษร้อนชื้นที่สะสมในปอด กระเพาะอาหาร และลำไส้เพื่อยับยั้ง P.acnes ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
FLOS LONICERAE JAPONICAE 金银花ขับพิษร้อนชื้น ยับยั้ง P.acnes ที่เป็นต้นเหตุสำคัญของสิว ช่วยให้แผลสิวสมานได้เร็วและดีขึ้น จึงกำจัดสิวอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
RADIX ET RHIZOMA RHEI 大黄ขับพิษร้อนชื้น แก้ท้องผูก

ศาสตร์การแพทย์จีนผนวกกับนวัตกรรมสมุนไพรจีน
Flosa การกำจัดสิวกลายเป็นเรื่องจิ๋วๆ
ทั้งยังส่งเสริมให้ร่างกายเกิดความสมดุลสุขภาพผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
คลายความกังวลของผู้ที่เป็นสิวได้อย่างแท้จริงและยาวนาน

4 โรคฮิตที่กวนใจผู้หญิง


4 โรคฮิตที่กวนใจผู้หญิง



จากการสำรวจผู้หญิงวัย 25-55 ปี ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยและเป็นที่กังวลมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับเนื้องอกในมดลูก มะเร็งเต้านม ความผิดปกติของประจำเดือน อาการวัยทอง และการควบคุมน้ำหนักตัว วันนี้เรามาดูกันว่า แพทย์แผนจีนมีวิธีการดูแลอย่างไรบ้าง

ปวดประจำเดือน
ผู้หญิงมากกว่า 2 ใน 3 มักเคยประสบปัญหาปวดประจำเดือนหรือมีกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เช่น ปวดท้องตั้งแต่ปวดนิดหน่อยไปจนถึงปวดจนตัวโก่งงอ ปวดหลังปวดศีรษะ เจ็บหรือคัดเต้านม หงุดหงิด ฯลฯ การแพทย์จีนนิยมใช้วิธีบำรุงเลือดลมและปรับความสมดุลหยินหยางในร่างกาย ทะลวงเส้นลมปราณชงม่าย (冲脉)และเยิ่นม่าย (任脉) เพื่อรักษาที่ต้นเหตุ

วัยทองของผู้หญิง
ประจำเดือนของผู้หญิงจะหมดราวๆ อายุ 55 ปี แต่ปัจจุบันมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่เข้าสู่วัยทองก่อนเวลาอันควรทำให้ร่างกายขาดฮอร์โมนเพศหญิง ส่งผลกระทบต่อรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ เส้นผม อีกทั้งมีอาการที่พบบ่อยคือ เครียด หงุดหงิดง่าย หลับไม่สนิท ร้อนวูบวาบตามร่างกาย ช่องคลอดแห้ง ไม่มีอารมณ์ทางเพศ กระดูกพรุน การแพทย์จีนนิยมใช้วิธีบำรุงไตและตับเพื่อปรับหยินหยางในร่างกายให้เกิดภาวะสมดุลทั้งต่อมหมวกไตก็จะช่วยสร้างฮอร์โมนเพศเพื่อทดแทนฮอร์โมนส่วนที่ขาดหาย
ไปและตับก็สามารถควบคุมกระบวนการเมตาโบลิซึมของฮอร์โมนเพศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เนื้องอกในมดลูกและเต้านม
พบบ่อยในผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากภาวะชี่และเลือดพร่องจะทำให้เลือดไหลเวียนช้าลงจนเกิดการคั่งของเลือด ประกอบกับการสั่งสมพิษเย็นในร่างกายจนจับตัวเป็นก้อนกลายเป็นซีสต์หรือเนื้องอกโดยแสดงอาการ เช่น ประจำเดือนมาช้าหรือมามาก ตกขาวมากขึ้น โลหิตจาง ปวดท้องหรือคัดเต้านม ฯลฯ  การแพทย์จีนนิยมใช้วิธีบำรุงชี่และเลือด ขจัดภาวะพิษเย็นและสลายเลือดคั่ง ทะลวงเส้นลมปราณของตับให้โล่ง ทำให้พลังชี่และเลือดไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้สุขภาพร่างกายโดยรวมดีขึ้นได้อีกด้วย

อ้วนฉุ
ในมุมมองของการแพทย์จีน ม้ามเป็นศูนย์บัญชาการรักษาความสมดุลของไขมันและน้ำในร่างกาย หากม้ามอ่อนแอลงมักจะเกิดภาวะไขมันสะสมจนอ้วน รวมทั้งน้ำและความชื้นในร่างกายไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติก็จะทำให้เกิดอาการบวมน้ำ นอกจากนี้ ม้ามอ่อนแอยังทำให้เกิดความผิดปกติได้อีกหลายอย่าง เช่น ขอบลิ้นมีรอยฟันกดทับ อุจจาระไม่จับตัวเป็นก้อน เป็นโรคภูมิแพ้ เบื่ออาหาร อาหารไม่ค่อยย่อย ขี้หนาว การแพทย์จีนนิยมใช้วิธีบำรุงม้ามเพื่อรักษาต้นเหตุที่ทำให้อ้วน และเมื่อม้ามแข็งแรงขึ้นก็จะ