8.8.62

ลมพิษ

ลมพิษ...พบบ่อยกว่าที่คิด  

                ลมพิษเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งจะก่อให้เกิดความรำคาญและรบกวนการทำงานหรือการนอนหลับของผู้ป่วย ลมพิษสามารถเกิดขึ้นที่ผิวหนังตำแหน่งใดก็ได้ในร่างกาย บางครั้งลมพิษที่เกิดขึ้นจะทำให้หนังตาบวม ริมฝีปากบวม หากลมพิษเกิดขึ้นที่ทางเดินหายใจ ก็จะทำให้หายใจลำบากและมีอันตรายถึงชีวิต  ลมพิษอาจเป็นอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจเป็นๆ หายๆ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้

  1.          ลมพิษชนิดเฉียบพลัน จะเป็นๆ หายๆ น้อยกว่า 6 สัปดาห์
  2.        ลมพิษชนิดเรื้อรัง จะเป็นๆ หายๆ นานกว่า 6 สัปดาห์

ผู้ที่เป็นลมพิษชนิดเรื้อรัง มักจะมีลมพิษตามตำแหน่งที่เกาหรือกดทับเป็นเวลานานด้วย  เช่น  รอยรัดของเสื้อชั้นในหรือกางเกง  เป็นต้น

 อาการของลมพิษเป็นอย่างไร 


ลมพิษ

                 ลมพิษมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันมีลักษณะเป็นผื่นนูนแดง มีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกัน เช่น วงกลม วงรี วงหยัก เนื้อภายในวงจะนูนและมีสีซีดกว่าขอบเล็กน้อย ทำให้เห็นเป็นขอบแดงๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกคันมากๆ พอเกาตรงไหนก็จะมีผื่นแดงขึ้นตรงนั้น บางครั้งอาจมีไข้ขึ้นเล็กน้อยหรือรู้สึกร้อนผ่าวๆ ตามผิวกาย

        ลมพิษอาจเกิดขึ้นที่หน้า แขนขา ลำตัวหรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายและเป็นอยู่ประมาณ  3-4 ชั่วโมงแล้วก็ยุบหายได้ แต่อาจเกิดขึ้นใหม่ในตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นอีกก็ได้ภายในวันเดียวกัน หรือวันต่อมาหรือในเดือนต่อๆ มา

ลมพิษเกิดจากสาเหตุอะไร  
        
                การแพทย์ตะวันตกและการแพทย์จีนมีทัศนะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับมูลเหตุและพยาธิสภาพของลมพิษ สำหรับการแพทย์ตะวันตก  ลมพิษชนิดเฉียบพลันส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้อาหาร เหล้า เบียร์ ยา ฝุ่นละอองเกสร ขนสัตว์หรือสารเคมีบางชนิด ทำให้ร่างกายมีการสร้างฮิสตามีน (Histamine) ออกมาจากเซลล์ในชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลให้หลอดเลือดฝอยขยายตัวและมีพลาสมา (น้ำเลือด) ซึมออกมาใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นผื่นนูนแดงและมีอาการคัน แต่ลมพิษเรื้อรังส่วนใหญ่กลับไม่สามารถตรวจพบสาเหตุที่แน่ชัดได้

        ส่วนการแพทย์จีนได้จัดลมพิษให้อยู่ในกลุ่มโรคที่เกิดจากพิษลม ร่วมกับพิษร้อน-ชื้นที่สะสมในร่างกาย (邪与湿热) ซึ่งพิษทั้งสองประเภทมีลักษณะเฉพาะดังนี้

·         พิษลม มีลักษณะเคลื่อนไหว กระจายและเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ลมพิษจึงมีลักษณะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันและเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย พร้อมทั้งสามารถขึ้นที่ตำแหน่งใดของร่างกายก็ได้

·         พิษร้อน มีลักษณะแผดเผาและอบอ้าว ซึ่งจะทำลายสารเหลวและพลังชี่ () ในร่างกายทำให้ท้องผูก น้ำปัสสาวะมีสีเข้ม ปากขม ปากแห้ง น้ำลายเหนียว มีอาการระคายคอบ่อย แน่นหน้าอกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง อ่อนเพลียง่ายรูขุมขนเปิด เส้นเลือดฝอยขยายตัว พร้อมทั้งทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง โรคต่างๆ จึงแทรกเข้าไปในร่างกายได้ง่ายขึ้น

·         พิษชื้น มักเกิดร่วมกับพิษร้อน ซึ่งก็เช่นเดียวกับอากาศที่ร้อนจัดมักจะทำให้มีฝนและเกิดความชื้น พิษร้อน-ชื้นที่สะสมในร่างกายจะเอื้อต่อการแพร่พันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการอักเสบได้ง่ายกว่าและบ่อยกว่า

พิษลมและพิษร้อน-ชื้นจะทำให้เกิดโรคได้หลายๆ อย่าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพิษนี้จะแทรกเข้าไปในส่วนใดของร่างกาย หากพิษลมและพิษร้อน-ชื้นมีการแทรกเข้าไปใต้ผิวหนังในปริมาณมากเกินกว่าร่างกายจะรับได้ก็จะปะทุออกมาทางผิวหนัง ทำให้เกิดลมพิษชนิดเฉียบพลันได้ หากพิษนี้มีการสะสมไว้ใต้ผิวหนังเป็นเวลานาน เนื่องจากร่างกายไม่สามารถขจัดออกไปให้หมดสิ้น ลมพิษก็จะเป็นๆ หายๆ  เรื้อรังเป็นเวลานาน และมักจะกำเริบในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงหรือร้อนจัดพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอหรือมีความเครียด ความกังวล ฯลฯ

  การบำบัดลมพิษด้วยยาแก้แพ้มีข้อจำกัดอย่างไร  
        
        เมื่อพูดถึงยารักษาลมพิษ หลายๆ คนคงนึกถึงยาแก้แพ้หรือยาแอนติฮิสตามีน (Anti-histamine) ถึงแม้ว่ายานี้เป็นยาพื้นฐานในการรักษาลมพิษของการแพทย์ตะวันตกก็ตาม แต่อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยลมพิษชนิดเรื้อรัง เนื่องจากยาแก้แพ้เป็นเพียงยาระงับอาการของลมพิษเท่านั้น และมิได้ขจัดต้นเหตุของโรค  ผู้ป่วยลมพิษชนิดเรื้อรังจึงมักจะเป็นๆ หายๆ เรื้อรังเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้มักจะทำให้ง่วงนอน มึนงง เวียนศีรษะ ตาพร่าและอาจมีอาการคอแห้ง เบื่ออาหาร ใจสั่น หงุดหงิด ความดันต่ำหรือเกิดการแพ้ยา สำหรับผู้ป่วยลมพิษชนิดเรื้อรังที่มีการใช้ยาแก้แพ้เป็นประจำก็จะเกิดการดื้อยาขึ้นมาด้วย


 การแพทย์จีนมีวิธีการบำบัดลมพิษอย่างไร  
        
        สำหรับลมพิษโดยเฉพาะลมพิษชนิดเรื้อรัง การแพทย์จีนนิยมใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณในการขจัดพิษลมและพิษร้อน-ชื้นให้ออกจากร่างกาย เพื่อบำบัดต้นเหตุของลมพิษแทนการใช้ยาแก้แพ้ จากการวิจัยและทดลองทางการแพทย์และเภสัชวิทยาในปัจจุบันพบว่า ยาสมุนไพรจีนที่อยู่ในรูปแบบของสารสกัดเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากสามารถสกัดและควบคุมสารออกฤทธิ์ได้อย่างเข้มข้นและแม่นยำ

        นอกจากนี้ การแพทย์จีนยังให้ความสำคัญในการปรับร่างกายของผู้ป่วยลมพิษให้กลับสู่ภาวะ สมดุล โดยใช้วิธีบำรุงรักษาไตเป็นหลักเพื่อส่งเสริมพลังชี่ () และพลังไฟมิ่งเหมิน (命门之火) ของไต ทำให้ร่างกายสามารถขจัดพิษลมและพิษร้อน-ชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       
ลมพิษชนิดเรื้อรังและอาการต่างๆ ที่พบบ่อยในผู้ป่วยลมพิษ เช่น ปากขม ปากแห้ง น้ำลายเหนียว อาการระคายคอ แน่นหน้าอก เหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง เป็นสิวบ่อย ท้องผูกหรือน้ำปัสสาวะมีสีเข้ม เป็นต้น จึงค่อยๆ ทุเลาลงหรืออาจหายไปในที่สุด



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น